การออกแบบการสอนในวิชาใด ๆ ก็ตาม ผู้ออกแบบจะต้องนำเอาทฤษฎีหลักที่สำคัญมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบการสอน ทฤษฎีหลักที่สำคัญนี้ มีอยู่ด้วยกัน 3 ทฤษฎี คือ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 37-38)
(1) ทฤษฎีระบบทั่วไป (General system theory)
(2) ทฤษฎีสื่อสาร (Communication theory)
(3) ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะทฤษฎีระบบทั่วไป ดังนี้
ความหมายของทฤษฎีระบบ
สุคนธ์ ภูริเวทย์ (2542: 43) ได้กล่าวถึงความหมายของทฤษฎีระบบว่าเป็นทฤษฎีเบื้องต้นที่มีผลกระทบต่อทฤษฎีอื่น ๆ ทฤษฎีนี้แสดงถึงแนวคิดในการออกแบบให้แนวนโยบายต่อโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรวบรวมองค์ประกอบอื่น ๆ เข้าด้วยกัน และทฤษฎีระบบนั้นยังนำหลักการของปรัชญาเข้ามามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ทฤษฎีนี้เชื่อว่าทุกอย่างในโลก หรือในจักรวาลนี้ต้องมีโครงสร้างที่เป็นระบบ ไม่ว่าประเทศใด ชนใด สังคมใด ชุมชนใด ต้องมีโครงสร้างหรือการทำงานที่เป็นระบบ มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมระบบนั้นมีทั้งระบบปิด ระบบเปิด ระบบย่อย และระบบใหญ่
การนำทฤษฎีระบบทั่วไปมาใช้ในการออกแบบการสอน
ลักษณะขั้นตอน หลักการ หรือวิธีการต่าง ๆ ของทฤษฎีระบบนั้นอาจจะมีความคล้ายคลึงกัน หรือแตกต่างกันบ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ได้มีนักการศึกษาหลายท่านได้เสนอขั้นตอนของทฤษฎีระบบไว้หลายรูปแบบด้วยกัน คือ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43-44)
(1) รูปแบบของบานาธี (Banathy 1968 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ระบบ 2) การแก้ปัญหา และ 3) การพัฒนาระบบ
(2) รูปแบบของคอฟแมน (Kaufman 1970 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ระบบ (การกำหนดปัญหา กำหนดวิธีแก้ปัญหา) และ 2) การสังเคราะห์ระบบ (เลือกยุทธวิธีการแก้ปัญหา นำยุทธวิธีที่เลือกแล้วไปใช้แก้ปัญหา ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ)
(3) รูปแบบของโรมิสโซสกี้ (Romiszowski 1981 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การจำกัดปัญหา 2) การวิเคราะห์ปัญหา 3) ออกแบบหรือพัฒนาวิธีแก้ปัญหา 4) ลงมือแก้ปัญหา และ 5) ประเมินผล
(4) รูปแบบของไรอัน (Ryan 1975 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44) ประกอบด้วย 1) การศึกษาระบบความเป็นอยู่ 2) แก้ปัญหา และ 3) ออกแบบระบบ
(5) รูปแบบของซิลเวิร์น (Silvern 1972 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ 2) การสังเคราะห์ 3) การกำหนดรูปแบบ และ 4) สถานการณ์จำลอง
จากขั้นตอนหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ในแต่ละรูปแบบแล้ว จะเห็นว่าทุกรูปแบบ มีขั้นตอนหรือองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงมีขั้นตอนย่อยอยู่ในขั้นตอนใหญ่เท่านั้นเอง สรุปได้ว่าขั้นตอนหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในทฤษฎีระบบทั่วไป ก็เหมือนกับขั้นตอนหรือองค์ประกอบในวิธีระบบนั้นเอง เราอาจเรียกได้ว่าทฤษฎีระบบ (Systems theory) ก็คือวิธีระบบ (Systems approach) นั่นเอง
สรุปการนำกระบวนการของทฤษฎีระบบมาใช้ในการออกแบบการสอนหรืองานด้านการสอนและการฝึกอบรม กระบวนการดังกล่าวนี้ จะประกอบด้วยองค์ประกอบตามแผนภูมิต่อไปนี้ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44)
ทฤษฎีการออกแบบการสอน
การออกแบบการสอนในวิชาใด ๆ ก็ตาม ผู้ออกแบบจะต้องนำเอาทฤษฎีหลักที่สำคัญมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบการสอน ทฤษฎีหลักที่สำคัญนี้ มีอยู่ด้วยกัน 3 ทฤษฎี คือ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 37-38)
(1) ทฤษฎีระบบทั่วไป (General system theory)
(2) ทฤษฎีสื่อสาร (Communication theory)
(3) ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะทฤษฎีระบบทั่วไป ดังนี้
ความหมายของทฤษฎีระบบ
สุคนธ์ ภูริเวทย์ (2542: 43) ได้กล่าวถึงความหมายของทฤษฎีระบบว่าเป็นทฤษฎีเบื้องต้นที่มีผลกระทบต่อทฤษฎีอื่น ๆ ทฤษฎีนี้แสดงถึงแนวคิดในการออกแบบให้แนวนโยบายต่อโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรวบรวมองค์ประกอบอื่น ๆ เข้าด้วยกัน และทฤษฎีระบบนั้นยังนำหลักการของปรัชญาเข้ามามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ทฤษฎีนี้เชื่อว่าทุกอย่างในโลก หรือในจักรวาลนี้ต้องมีโครงสร้างที่เป็นระบบ ไม่ว่าประเทศใด ชนใด สังคมใด ชุมชนใด ต้องมีโครงสร้างหรือการทำงานที่เป็นระบบ มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมระบบนั้นมีทั้งระบบปิด ระบบเปิด ระบบย่อย และระบบใหญ่
การนำทฤษฎีระบบทั่วไปมาใช้ในการออกแบบการสอน
ลักษณะขั้นตอน หลักการ หรือวิธีการต่าง ๆ ของทฤษฎีระบบนั้นอาจจะมีความคล้ายคลึงกัน หรือแตกต่างกันบ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ได้มีนักการศึกษาหลายท่านได้เสนอขั้นตอนของทฤษฎีระบบไว้หลายรูปแบบด้วยกัน คือ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43-44)
(1) รูปแบบของบานาธี (Banathy 1968 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ระบบ 2) การแก้ปัญหา และ 3) การพัฒนาระบบ
(2) รูปแบบของคอฟแมน (Kaufman 1970 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ระบบ (การกำหนดปัญหา กำหนดวิธีแก้ปัญหา) และ 2) การสังเคราะห์ระบบ (เลือกยุทธวิธีการแก้ปัญหา นำยุทธวิธีที่เลือกแล้วไปใช้แก้ปัญหา ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ)
(3) รูปแบบของโรมิสโซสกี้ (Romiszowski 1981 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 43) ประกอบด้วย 1) การจำกัดปัญหา 2) การวิเคราะห์ปัญหา 3) ออกแบบหรือพัฒนาวิธีแก้ปัญหา 4) ลงมือแก้ปัญหา และ 5) ประเมินผล
(4) รูปแบบของไรอัน (Ryan 1975 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44) ประกอบด้วย 1) การศึกษาระบบความเป็นอยู่ 2) แก้ปัญหา และ 3) ออกแบบระบบ
(5) รูปแบบของซิลเวิร์น (Silvern 1972 อ้างถึงใน สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44) ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ 2) การสังเคราะห์ 3) การกำหนดรูปแบบ และ 4) สถานการณ์จำลอง
จากขั้นตอนหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ในแต่ละรูปแบบแล้ว จะเห็นว่าทุกรูปแบบ มีขั้นตอนหรือองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงมีขั้นตอนย่อยอยู่ในขั้นตอนใหญ่เท่านั้นเอง สรุปได้ว่าขั้นตอนหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในทฤษฎีระบบทั่วไป ก็เหมือนกับขั้นตอนหรือองค์ประกอบในวิธีระบบนั้นเอง เราอาจเรียกได้ว่าทฤษฎีระบบ (Systems theory) ก็คือวิธีระบบ (Systems approach) นั่นเอง
สรุปการนำกระบวนการของทฤษฎีระบบมาใช้ในการออกแบบการสอนหรืองานด้านการสอนและการฝึกอบรม กระบวนการดังกล่าวนี้ จะประกอบด้วยองค์ประกอบตามแผนภูมิต่อไปนี้ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44)
ลักษณะของงานในด้านการสอน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยทฤษฎีระบบเช่นเดียวกัน คือ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 44-45)
(1) ตัวป้อนของงานในด้านการสอนในที่นี้ หมายถึงงานที่ผู้สอนจะต้องจัดเตรียมก่อนที่จะทำการสอนในชั้น การปฏิบัติงานอยู่ในขั้นที่ 2 ของระบบ งานดังกล่าวนี้เรียกว่า แผนในการดำเนินการสอน ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็โดยที่ผู้ออกแบบการสอนได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่ตนรับผิดชอบแล้ว ก็ดำเนินการออกแบบรูปแบบระบบการเรียนการสอน ถ้าเป็นผู้สอนก็นำเอารูปแบบระบบการเรียนการสอนมาศึกษาวิเคราะห์แล้วจัดทำออกมาในรูปของแผนการสอนเฉพาะบทเรียน หรือเนื้อหานั้น ๆ ข้อมูลดังกล่าวนี้ ได้แก่
- การศึกษาหลักสูตร เอกสารหลักสูตร
- การวินิจฉัยผู้เรียนถึงพื้นฐานความรู้เดิม และความแตกต่างระหว่างบุคคล (คุณลักษณะของผู้เรียน)
- เนื้อหาที่จะสอน
- จุดประสงค์รายวิชาและบทเรียน
- กิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ของการเรียนรู้ และเนื้อหาวิชา ตลอดจนวิธีการสอนที่จะใช้
- การวัดผลและประเมินผล
ข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ จะนำมาประกอบรวมกันเข้าเป็นแผนการสอนของผู้สอน
(2) กระบวนการปฏิบัติงาน หรือกระบวนการสอน คือการดำเนินการตามแผนการสอนที่กำหนดไว้ อันประกอบด้วย
- การทดสอบก่อนเรียน เพื่อทราบพื้นฐานความรู้เดิมของผู้เรียน
- การดำเนินการสอน
- การทดสอบหลังเรียน เพื่อทราบเอกลักษณ์ของผลผลิต หรือการเรียนรู้ของผู้เรียน ว่าเป็นไปตามจุดประสงค์การสอนที่กำหนดไว้หรือไม่
(3) การประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือกระบวนการสอน คือการตรวจสอบผลผลิตว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ผลจากการวิเคราะห์ดังกล่าวนี้ จะชี้ให้ผู้สอนทราบว่า การปฏิบัติงานของตนประสบผลสำเร็จหรือมีประสิทธิภาพเพียงใด มีจุดใดที่สมควรจะทำการแก้ไข ปรับปรุง สำหรับการปฏิบัติในครั้งต่อไป หรือต้องออกแบบการสอนใหม่
จากกระบวนการในการออกแบบการสอนตามทฤษฎีระบบนี้ อาจพิจารณาได้ตามแผนภูมิดังนี้ (สุคนธ์ ภูริเวทย์ 2542: 45-46
เอกสารอ้างอิง
เอกสารอ้างอิง
สุคนธ์ ภูริเวทย์. (2544). การออกแบบการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น